สำหรับคนที่กำลังมองหาแท็บเล็ตขนาดเล็กพกพาสบายๆ ไซซ์มินิที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ และในเรทราคาหมื่นต้นๆ ตอนนี้จะมีอยู่สองรุ่นที่น่าสนใจ เพราะมีราคาเริ่มต้นเท่ากันเป๊ะที่หมื่นต้นๆ นั่นก็คือ Xiaomi Pad Mini กับอีกตัวคือ Alldocube iPlay 70 Mini Ultra ที่ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่บอกเลยว่าสเปคที่ให้มานี่จัดเต็มเหมือนกัน วันนี้เราเลยจะมาเปรียบเทียบ Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra กันว่าต่างกันตรงไหน ข้อดีของแต่ละตัวคืออะไร และใครเหมาะที่จะเป็นเจ้าของรุ่นไหนไปดูกันเลย
สรุปเปรียบเทียบ Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra จะซื้อรุ่นไหนดี?
ตารางเปรียบเทียบสเปค Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra
| Xiaomi Pad mini | Alldocube iPlay 70 Mini Ultra | |
| ขนาด/ น้ำหนัก | 205.13 x 132.03 x 6.46 มม. | 326 กรัม | 208.2 x 129.6 x 7.9 มม. | 335 กรัม |
| สี | ม่วง, เทา | ดำ |
| หน้าจอ | IPS LCD กว้าง 8.8 นิ้ว 3K (3008 x 1880) | IPS LCD กว้าง 8.8 นิ้ว 2.5K (2560 × 1600) |
| Refresh Rate/ ความสว่าง | 165Hz/ สูงสุด 700nits | 144Hz/ สูงสุด 500nits |
| ปากกา/ คีย์บอร์ด | Xiaomi Smart Pen คีย์บอร์ด Bluetooth | – |
| ชิปประมวลผล | Dimensity 9400+ | Snapdragon 7+ Gen 3 |
| RAM | 8GB/ 12GB | 12GB |
| ROM | 256GB/ 512GB | 256GB |
| AI | Xiaomi HypearAI/ Google AI | Google AI |
| การเชื่อมต่อ | WiFi 7, BT5.4, USB-C 3.2 Gen 1/ USB-C 2.0 | WiFi 6, BT5.4, USB-C 3.1 |
| กล้องหน้า | 8MP | 5MP |
| กล้องหลัง | 13MP | 13MP |
| แบต | 7,500mAh/ 67W | 7,300mAh/ 20W |
| ราคาเริ่มต้น* | 12,990 บาท | 12,990 บาท |
เปรียบเทียบดีไซน์ และการเชื่อมต่อศึกแห่งความโปร

สำหรับ Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra ทั้งคู่ใช้วัสดุเป็นโลหะที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม แต่ Xiaomi Pad Mini นั้นบางกว่าและเบากว่าอย่างรู้สึกได้ เมื่อเทียบกับ Alldocube พอสมควร แต่จุดที่ทำความว้าวต่างกันก็คือ Xiaomi มันมีพอร์ต USB-C ถึง 2 ช่อง นี่คือฟีเจอร์ระดับโปรที่ทำให้สามารถเสียบสายชาร์จไปพร้อมๆ กับต่อ Hub หรือหูฟังได้เลย ส่วน Alldocube มีพอร์ต USB-C มาให้ช่องเดียว ซึ่งรองรับการต่อจอแยกเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถชาร์จไปและต่ออุปกรณ์อื่นไปพร้อมกันได้
ด้านการเชื่อมต่อ Xiaomi ก็ล้ำหน้าไปด้วย Wi-Fi 7 ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ขณะที่ Alldocube ให้ Wi-Fi 6 ซึ่งก็ยังเร็วและเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบันไปอีกหลายปี และสำหรับการประชุมออนไลน์ กล้องหน้า 8MP ของ Xiaomi ก็น่าจะให้ภาพที่คมชัดกว่ากล้องหน้า 5MP ของ Alldocube อีกด้วย
หน้าจอ 3K 165Hz ปะทะ 2.5K 144Hz

ส่วนสำคัญในการเปรียบเทียบ Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra ก็คือหน้าจอที่ Xiaomi Pad Mini มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงถึง 3K คมชัดได้มากกว่า และมีรีเฟรชเรท 165Hz เพื่อความลื่นไหลเนียนตาขั้นสุด พร้อมสว่างได้มากกว่าด้วย ส่วน Alldocube iPlay 70 Mini Ultra ก็ไม่ได้แย่เพราะมีจอความละเอียด 2.5K ที่คมชัดสูงบนจอขนาด 8.8 นิ้ว และเล่นลื่นได้ถึง 144Hz แต่ก็ยังเป็นรองอยู่นิดหน่อย ถ้าใครอยากได้ความลื่นและความสว่างก็ยังสู้ยาก รวมถึงการรองรับปากกาที่ Xiaomi รองรับได้ด้วย
เปรียบเทียบความแรง


Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra ทั้งคู่ต่างก็พกพาความแรงมาเต็มที่ โดย Xiaomi Pad Mini เลือกใช้ชิปเรือธงอย่าง Dimensity 9400+ ที่เร็วแรงทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเล่นเกมกราฟิกหนักแค่ไหน หรือทำงานจริงจังก็ไม่มีปัญหา ในขณะที่ Alldocube iPlay 70 Mini Ultra เลือกใช้ชิป Snapdragon 7+ Gen 3 ที่พอจะสู้ชิปเรือธงรุ่นก่อนๆ ได้สบายๆ โดยทั้งสองถ้านับแค่รุ่นเริ่มต้น Alldocube ก็ให้ถึง 12GB แล้วในราคาเดียวกัน แต่ของ Pad Mini จะเริ่มที่ RAM 8GB เท่านั้นล
ที่สำคัญคือ Xiaomi Pad Mini ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ พื้นที่ 256-512GB คือทั้งหมดที่มี แต่ Alldocube iPlay 70 Mini Ultra สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบลงเกมเยอะๆ หรือเก็บไฟล์หนัง-ซีรีส์ไว้ดูแบบออฟไลน์ได้เยอะกว่า
เปรียบเทียบแบตเตอรี่และการชาร์จ


ในแง่ของความอึด Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra ทั้งคู่มีขนาดแบตเตอรี่ที่ใกล้เคียงกันมาก โดย Xiaomi ให้มา 7500mAh และ Alldocube ให้มา 7300mAh ใช้นานได้เหมือนกัน แต่ความเร็วในการชาร์จ Xiaomi Pad Mini ทำได้ถึง 67W เร็วกว่าของ iPlay 70 Mini Ultra ที่ทำได้ 20W เท่านั้น ตรงนี้ถ้าใครใจร้อนก็อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมด้วย
สรุปเปรียบเทียบ Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra จะซื้อรุ่นไหนดี?

จากการเปรียบเทียบ Xiaomi Pad Mini vs Alldocube iPlay 70 Mini Ultra คงจะเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า แม้ราคาจะเท่ากัน แต่ทั้งสองรุ่นนี้ถูกสร้างมาเพื่อคนละกลุ่มเป้าหมาย เพราะ Xiaomi Pad Mini จะเป็นรุ่นพรีเมียมจบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ ชิป และแบตเตอรี่กับการชาร์จไว ที่หากใครอยากได้ฟีเจอร์ระดับโปรมากกว่า รุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบถ้วนแน่นอน
แต่สำหรับ Alldocube iPlay 70 Mini Ultra จะเหมาะกับสายสเปคคุ้มค่า ที่ไม่ได้จะเน้นความสเปคสูงอะไรขนาดนั้น เพราะสเปคหน้าจอ ชิปประมวลผลและแบตเตอรี่ก็เหลือเฟือแล้ว รวมถึงความยืดหยุ่นที่จำเป็นต้องเพิ่ม MicroSD Card เพื่อลงเกม-เก็บไฟล์จำนวนมาก และคุณต้องการ RAM 12GB เพื่อการสลับแอปที่ลื่นไหลขั้นสุดในรุ่นเริ่มต้นเลย ถึงแม้จะชาร์จช้ากว่าแต่ถ้าชาร์จข้ามคืนอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา ใช้งานได้คุ้มได้เหมือนกัน
ใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
