
REDMAGIC 10S Pro เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วในฐานะสมาร์ตโฟนเพื่อการเล่นเกมที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ชูจุดเด่นด้วยการเป็นเครื่องแรกในประเทศที่มาพร้อมชิปเซ็ตระดับเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Elite (Leading Version) ไม่เพียงแค่ความแรงของชิปประมวลผล แต่ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ ตั้งแต่ระบบระบายความร้อน ICE-X ที่อัปเกรดใหม่ หน้าจอ AMOLED เต็มขอบที่สมบูรณ์แบบ ไปจนถึงแบตเตอรี่ขนาดมหึมาที่พร้อมให้คุณชนะต่อเนื่องได้ทั้งวัน บทความนี้จะพาไปดูกันว่าทำไม REDMAGIC 10S Pro ถึงเป็นตัวเลือกที่เหล่าเกมเมอร์ต้องจับตามอง
สารบัญ
- ขุมพลังและประสบการณ์เล่นเกมระดับโปร
- เย็นเฉียบทุกสมรภูมิ ด้วยระบบระบายความร้อน ICE-X
- หน้าจอสมบูรณ์แบบเพื่อการเล่นเกม
- แบตเตอรี่สุดอึดและระบบชาร์จไว
- ดีไซน์และตัวเครื่องที่ออกแบบเพื่อเกมเมอร์
- กล้องถ่ายภาพ
- การเชื่อมต่อและฟีเจอร์อื่นๆ
- สรุปการรีวิว
- ตารางสเปก REDMAGIC 10S Pro
ขุมพลังและประสบการณ์เล่นเกมระดับโปร

สำหรับ REDMAGIC 10S Pro สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงและเป็นหัวใจสำคัญเลยก็คือเรื่องขุมพลังที่แรงสุดขีด ด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite Leading Version ที่เป็นตัวโอเวอร์คล็อกของ Snapdragon 8 Elite ทำให้มีพลังในการประมวลผลที่สูงขึ้นแบบสุด ๆ ไม่เพียงเท่านั้นยังทำงานร่วมกับชิปเกมมิ่ง RedCore R3 Pro ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้ถึงขีดสุด พร้อมด้วยหน่วยความจำความเร็วสูง LPDDR5T และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 Pro ทำให้การโหลดเกมหรือเปิดแอปพลิเคชันทำได้อย่างรวดเร็ว




ในเรื่องของความแรงก็นับได้ว่าน่าสนใจ เพราะสามารถทำคะแนน AnTuTu ไปได้ถึง 3,302,951 คะแนน สำหรับคะแนน Geekbench 6 จากที่ได้ทดสอบนั้นคะแนนที่ได้นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะคะแนนแบบ Single-Core ทำได้ถึง 3,076 คะแนน และคะแนนแบบ Multi-Core ทำได้ 9,413 คะแนน ส่วนคะแนน GPU OpenCL ทำได้ 20,521 คะแนน และ Vulkan ทำได้ 26,310 คะแนน ซึ่งสูงกว่า Snapdragon 8 Elite For Galaxy ใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่เป็นชิปแบบโอเวอร์คล็อกเหมือนกันอีก (Galaxy S25 Ultra ทำคะแนน AnTuTu ได้ 2,156,040 คะแนน | Geekbench 6 Single-Core ได้ 2,856 คะแนน Multi-Core ได้ 9,464 GPU OpenCL ได้ 17,946 คะแนน Vulkan ได้ 23,829 คะแนน)

ทีนี้มาพูดถึงตอนที่เล่นเกมบ้าง โดยในการเล่นเกมเราได้เล่นผ่าน Game Space เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งก็เรียกได้ว่าสุดจริง เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นเกมไหน กินสเปคหนักเท่าไร ก็สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ ต่อเนื่องนาน ๆ โดยไม่มีอาการกระตุกเลยแม้แต่น้อย แถมด้วยระบบระบายความร้อนเฉพาะตัวเลยทำให้เครื่องแทบไม่ร้อนเลยแม้จะเล่นแบบเปิดสุดอย่างนั้นเป็นชั่วโมงเลยก็ตาม สำหรับตอนที่ทดลองเล่นผมได้ลองเล่นเกม RoV, PUBG Mobile, Call of Duty Mobile และ Genshin Impact ซึ่งเกม Genshin Impact นี่แหละที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนที่สุด เพราะผมเปิดทุกอย่างจนสุด แถมเล่นไปเกือบ 2 ชั่วโมงจากการเดินเนื้อเรื่อง แต่อย่างที่บอกไปว่าเล่นไปขนาดนั้นแล้วเครื่องก็แทบไม่ร้อนเลย อยู่ในระดับที่ยังใช้คำว่าอุ่นได้อยู่เลยครับ
สำหรับเกมแนว Shooting หรือ Survival อย่าง PUBG Mobile และ Call of Duty Mobile นั้นด้วยการที่ตัวเครื่องมีปุ่ม Shoulder Triggers ที่ตอบสนองได้รวดเร็วถึง 520Hz ทำให้สามารถเล่นได้ลื่นไหลขึ้น เพราะแค่สัมผัสเบา ๆ เท่านั้นตัวปุ่มก็ตอบสนองแล้ว เลยช่วยให้สามารถตอบสนองต่อทุกสถานการณ์เกมได้อย่างรวดเร็วขึ้นมากเลยครับ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ X-Gravity ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างจอยคอนโทรลเลอร์หรือคีย์บอร์ดทำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
เย็นเฉียบทุกสมรภูมิ ด้วยระบบระบายความร้อน ICE-X

สำหรับระบบระบายความร้อนที่เป็นตัวช่วยให้การใช้งานและการเล่นเกมมีความต่อเนื่องมากขึ้นนั้น ในตัว REDMAGIC 10S Pro มาพร้อมกับ ระบบระบายความร้อน 10 ชั้น ICE-X ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ทั้งหมด โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ Liquid Metal 2.0 ซึ่งเป็นวัสดุนำความร้อนประสิทธิภาพสูงที่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ตรงกับ CPU สามารถช่วยลดอุณหภูมิ CPU ได้สูงสุดถึง 5°C
นอกจากนี้ยังมีแผ่นระบายความร้อน Vapor Chamber (VC) ขนาดใหญ่ถึง 12,000 มม.² ที่ใช้วัสดุอย่างกราฟีนและทองแดงเพื่อช่วยรักษาอัตราเฟรมให้เสถียรอยู่เสมอ และที่ขาดไม่ได้คือพัดลมเทอร์โบความเร็วสูง 23,000 รอบต่อนาที ที่มีไฟ RGB ปรับแต่งได้ ช่วยระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่กลับมีเสียงรบกวนที่เงียบเพียง 4dB เท่านั้น
ระบบระบายความร้อน 10 ชั้น ICE-X ประกอบไปด้วย
- แผ่นทองแดงใต้หน้าจอ
- กราฟีนใต้หน้าจอ
- ห้องไอระเหยขนาด 12,000 มม.²
- โครงกลางอะลูมิเนียมอัลลอยด์เกรดอากาศยาน
- โลหะเหลวคอมโพสิต 2.0
- เจลที่มีค่าการนำความร้อนสูง
- แผ่นทองแดงบนเมนบอร์ด
- พัดลมแรงเหวี่ยงความเร็วสูง
- ท่อลมอะลูมิเนียมเกรดอากาศยานความเร็วสูง
- แผ่นทองแดงนำความร้อนสูง
หน้าจอสมบูรณ์แบบเพื่อการเล่นเกม

หากจะเล่นเกมให้ดีก็ต้องมาพร้อมหน้าจอคุณภาพสูงด้วย โดย REDMAGIC 10S Pro จะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.85 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1.5K ที่ปรับแต่งพิเศษโดย BOE เป็นดีไซน์หน้าจอเต็มขอบอย่างแท้จริง ซึ่งมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 95.3% จากการที่ทำขอบจอมาแบบบางเฉียบและเลือกใช้กล้องหน้าแบบซ่อนใต้จอ ทำให้ไม่มีส่วนใดมาบดบังสายตาขณะเล่นเกม และมีความสว่างสูงสุดถึง 2000 nits ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ใช้งานกลางแดด
และเพื่อการเล่นเกมแบบจัดเต็มจึงมาพร้อมหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 144Hz และมีอัตราการตอบสนองการสัมผัสที่สูงมากถึง 2,500 Hz และรองรับการตอบสนองแบบพร้อมกันหลายนิ้วสูงถึง 960 Hz ทำให้ตัวเครื่องสามารถตอบสนองต่อการเล่นเกมได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที และที่ขาดไม่ได้เลยในสมาร์ตโฟนยุคนี้ก็คือหน้าจอที่มีแสงสีฟ้าต่ำที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland
แบตเตอรี่สุดอึดและระบบชาร์จไว

สำหรับในเรื่องแบตเตอรี่ก็เรียกได้ว่าหายห่วงเพราะ REDMAGIC 10S Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,050 mAh ทำให้สามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนานมาก หากใช้งานดี ๆ สามารถอยู่ได้ 2-3 วันสบาย ๆ และต่อให้เอามาเล่นเกมโหด ๆ ก็สามารถอยู่ได้จนหมดวันเลยครับ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ดูอึดกว่าใคร ๆ ก็ต้องขอบคุณระบบระบายความร้อนอย่างดีที่ช่วยให้ตัวเครื่องไม่อมความร้อน เลยทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวขึ้นด้วยครับ

ส่วนเรื่องการชาร์จแบตก็หายห่วงได้เลยครับ เพราะตัวเครื่องมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 80W ซึ่งทาง REDMAGIC เคลมไว้ว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึง 100% ได้ภายในเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น และยังมีระบบแยกการชาร์จที่ช่วยปกป้องสุขภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาวอีกด้วยครับ ซึ่งจากที่ผมได้ทดลองจับเวลาชาร์จเองก็นับได้ว่ายอดเยี่ยมเลยครับ เนื่องจากแบตเตอรี่จาก 1 ถึง 100% ผมใช้เวลาไปเพียง 38 นาทีเท่านั้น ซึ่งเอาจริง ๆ ชาร์จแค่ 15 นาทีก็ได้แบตเตอรี่มาถึง 50% แล้ว แค่นี้ก็อยู่ได้นานหลายชั่วโมงแล้วครับ
ดีไซน์และตัวเครื่องที่ออกแบบเพื่อเกมเมอร์

สำหรับในเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องก็นับว่าไม่เบาเลยครับ เพราะตัวเครื่องของ REDMAGIC 10S Pro คือการผสานสไตล์และฟังก์ชันไว้อย่างลงตัว โดยมาในดีไซน์บอดี้โลหะโปร่งใสระดับพรีเมียม พร้อมฝาหลังแบบเรียบเพื่อให้จับถือได้อย่างถนัดมือ (โมดูลกล้องเรียบไปกับตัวเครื่องด้วยเช่นกันครับ) ทั้งยังมีการใส่ไฟ RGB แบบไดนามิกมาช่วยเพิ่มสีสันแบบเกมมิ่งให้กับทั้งตัวเครื่องและพัดลมอีกด้วยครับ
สำหรับสีสันตัวเครื่องนั้น REDMAGIC 10S Pro มีวางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 3 สี ซึ่งแต่ละสีจะมาพร้อมกับหน่วยความจำ (RAM) ที่แตกต่างกันดังนี้:
- สีดัสก์ (Dusk): RAM 16GB
- สีไนท์ฟอลล์ (Nightfall): RAM 12GB
- สีมูนไลท์ (Moonlight): RAM 16GB
ซึ่งสีที่ทาง Specphone เราได้มารีวิวจะเป็นสีมูนไลท์ (Moonlight) ซึ่งเป็นสีเงินแบบโลหะที่มาพร้อมฝาหลังกระจกใสครับ
สำหรับขอบเครื่องนั้นปุ่มทั้งหมดจะอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power และปุ่ม Magic Key นอกจากนี้มีปุ่ม Shoulder Triggers อยู่ที่มุมของขอบฝั่งขวาด้วยครับ สำหรับช่องที่อยู่ระหว่างปุ่ม Shoulder Triggers และปุ่มปรับเสียงจะเป็นช่องลมเป่าออก ส่วนช่องลมดูดเข้าจะอยู่ที่ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องครับ
ในส่วนของขอบด้านบนจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ที่สมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ตัดทิ้งไปแล้วอยู่ พร้อมด้วยเซ็นเซอร์อินฟาเรดและรูไมโครโฟน ส่วนขอบด้านล่างจะมีช่องใส่ซิม, รูไมโครโฟน และพอร์ต USB-C อยู่ ส่วนลำโพงนั้นจะเป็นลำโพงคู่ 1115K แบบสมมาตรระดับพรีเมียมที่ผ่านการรับรองคุณภาพเสียง DTS:X Ultra อีกด้วยครับ
กล้องถ่ายภาพ


สำหรับการถ่ายภาพนั้นโดยพื้นฐานภาพลักษณ์ของสมาร์ตโฟนเกมมิ่งแล้วมักจะไม่เน้นการถ่ายภาพเท่าไร แต่ REDMAGIC 10S Pro นั้นกลับให้ความสำคัญกับเรื่องกล้องถ่ายภาพด้วยครับ โดยมาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่มีระบบกันสั่น OIS, กล้อง Ultrawide 50MP และกล้อง Macro 2MP ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบซ่อนใต้จอความละเอียด 16MP
สำหรับการบันทึกวิดีโอ กล้องหลังสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบกันสั่น OIS และ EIS ที่ช่วยให้วิดีโอมีความนิ่งและคมชัด

โดยหลังจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมาจริง ๆ แล้วต้องบอกเลยว่าผมค่อนข้างประทับใจภาพที่ได้พอสมควรเลยครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นในที่แสงจัดหรือแสงน้อย ตัวเครื่องก็สามารถถ่ายภาพมาได้อย่างคมชัดแถมเก็บรายละเอียดมาได้อย่างครบถ้วนเลย ทั้งยังมีฟีเจอร์ให้เล่นเพียบ ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายไม่มีเบื่อ
นอกจากนี้การถ่ายภาพเซลฟี่เองก็นับว่าใช้ได้เลยครับทั้ง ๆ ที่พอเป็นเซ็นเซอร์ใต้จอแล้วมักจะคิดกันทันทีเลยว่าคุณภาพอาจจะดรอปลงไปหน่อยเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนปกติ แต่ต้องบอกเลยครับว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด เพราะความคมชัด, การตัดขอบ การละลายหลัง และการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ นี่ไม่ได้ต่างจากสมาร์ตโฟนที่โชว์กล้องหน้าแต่อย่างใดเลยครับ ถ้างั้นเราไปชมภาพตัวอย่างที่ผมถ่ายมาให้ดูกันดีกว่า
ตัวอย่างภาพถ่าย
ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล
การเชื่อมต่อและฟีเจอร์อื่นๆ




REDMAGIC 10S Pro ทำงานบนระบบปฏิบัติการ REDMAGIC 10.5 OS ที่รองรับการใช้งาน Google Play ได้อย่างสมบูรณ์ ในด้านการเชื่อมต่อ รองรับ Wi-Fi 6 แบบ Tri-band (2.4GHz / 5GHz / 6GHz) ที่ช่วยให้ดาวน์โหลดเร็วขึ้น 20% และมีค่าความหน่วงต่ำเป็นพิเศษเพียง 2ms ตัวเครื่องยังได้รับมาตรฐานกันฝุ่นและละอองน้ำระดับ IP54 พร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ NFC เพื่อใช้จ่ายผ่าน Google Pay, การรองรับซิมคู่ (Dual SIM), IR Blaster สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
สรุปการรีวิว

จากการที่ได้เอา REDMAGIC 10S Pro ไปลองใช้งานมาต้องบอกเลยว่าเป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่งที่ดีสุด ๆ เครื่องหนึ่งเลยครับ เพราะสามารถเล่นเกมแบบเปิดสุดได้ทุกเกม ความร้อนน้อย ชาร์จเร็ว ทำให้ REDMAGIC 10S Pro คือคำตอบสุดท้ายสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดแบบไม่มีเงื่อนไข ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ที่แรงที่สุดในตลาด, ระบบระบายความร้อนที่เอาอยู่ทุกสถานการณ์, หน้าจอที่ลื่นไหลและตอบสนองฉับไว, และแบตเตอรี่ที่พร้อมใช้งานตลอดวัน ทำให้มันเป็น “อาวุธ” ที่จะพาคุณไปสู่ชัยชนะในทุกสมรภูมิ
REDMAGIC 10S Pro เหมาะกับใคร :
- Game Streamer : ที่ต้องการอุปกรณ์ที่แรงและเสถียรสำหรับการสตรีมเกมมือถือ
- Hardcore Mobile Gamer : ผู้ที่เล่นเกมเป็นประจำและต้องการเฟรมเรตที่นิ่งและสูงที่สุด
- Performance Enthusiast : ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและต้องการสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกๆ ด้าน
ราคาและการจัดจำหน่าย :
- Nightfall (12+256GB) : 32,990 บาท
- Moonlight / Dusk (16+512GB) : 38,990 บาท
- Moonlight / Dusk (24+1TB) : 44,990 บาท
วางจำหน่ายผ่าน REDMAGIC Official Shopee, REDMAGIC Lazada Flagship Store และ TikTok Shop
ตารางสเปก REDMAGIC 10S Pro
สเปค | REDMAGIC 10S Pro |
---|---|
สี | – Matte Black Nightfall – Transparent Silver Moonlight – Transparent Black Dusk |
ขนาด / น้ำหนัก | 163.42 x 76.14 x 8.9 มม. / 229 กรัม |
ชิปเซ็ต | – Qualcomm Snapdragon 8 Elite (Leading Version) – RedCore R3 Pro |
หน้าจอ | – AMOLED (BOE Q9+) – ขนาด 6.85 นิ้ว – ความละเอียด 1.5K (2688×1216 พิกเซล) – Refresh Rate สูงสุด 144Hz / Touch Sampling Rate สูงสุด 2500Hz – ความสว่าง สูงสุด 2000 nits – ขอบเขตสี: 100% DCI-P3 – ความแม่นยำสี: △E < 1 – กระจก Corning® Gorilla® Glass |
หน่วยความจำ | 12GB/16GB (LPDDR5T) |
พื้นที่จัดเก็บ | 256GB/512GB (UFS 4.1 Pro) |
กล้องหลัง | – 50MP (Main, OIS) – 50MP (Ultrawide) – 2MP (Macro) |
กล้องหน้า | 16MP (ใต้หน้าจอ) |
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จ | 7,050 mAh / ชาร์จไว 80W |
ระบบปฏิบัติการ | REDMAGIC 10.5 OS พื้นฐานบน Android 15.0 |
การเชื่อมต่อ | – 5G – Wi-Fi 6 Tri-band – Bluetooth 5.4 – Dual GPS (L1+L5) – NFC – HDMI / DP – USB Type-C 3.2 Gen 2 – ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. |
เซ็นเซอร์ | – เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) – เซ็นเซอร์ความเร่ง (G-sensor) – เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Compass) – ไจโรสโคป (Gyroscope) – เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะใกล้ (Proximity) – เซ็นเซอร์วัดแสงรอบตัว (Ambient Light Sensor) – เซ็นเซอร์อินฟราเรด (Infrared Sensor) |
ระบบระบายความร้อน | – ICE-X 10 ชั้น – Liquid Metal 2.0 – Vapor Chamber 12,000 มม.² – พัดลม 23,000 RPM |
ระบบเสียง | ลำโพงคู่ 1115K, DTS:X Ultra |
ฟังก์ชันพิเศษ | – Shoulder Triggers – Magic Key – ไฟ RGB |
มาตรฐานกันน้ำ | IP54 |